ได้ฟังเรื่องราวประสบการณ์ชีวิต การโบกรถ เดินทางแบ็คแพ็ค จากประตูเชียงใหม่สู่ประตูชัยปารีส ฝรั่งเศส ทางบก เพียงลำพังของโอปอ
ปอ-ภราดล พรอำนวย หนุ่มเชียงใหม่วัย 30 ปี จบศึกษาศาสตร์-อุตสาหกรรมศิลป์ ม.เชียงใหม่ แต่ไปเอาดีทางเสียงดนตรีเพราะฝังใจมากกว่าโต๊ะเขียนแบบ
"เคยทำงานเกี่ยวกับสถาปัตย์อยู่พักหนึ่ง แต่ไม่ชอบ ก็เลยลาออกมา" เขาตอบด้วยรอยยิ้ม
ผลงานทางเสียงเพลง ปอเคยคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันกีตาร์ ประเภท Non - Classic ชิงแชมป์ประเทศไทยของสยามยามาฮ่า แต่เขาใช้แซ็กโซโฟน (Saxophone) วงดนตรี (Alukomarai และ Vatchapuj) สีน้ำ และการเดินทางในการดำเนินชีวิต
"ตามจังหวะ โอกาส และเงินในกระเป๋าจะอำนวย" ข้อแม้มีเท่านี้
ไม่ว่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ญี่ปุ่น มองโกเลีย รัสเซีย เบลเยียม ลัตเวีย ฝรั่งเศส หรือ สเปน ล้วนเคยผ่านเท้าเขามาหมดแล้วทั้งนั้น
ผ่านเท้า - ด้วยการเดินทาง "ภาคพื้นดิน" จริงๆ ตั้งแต่ รถยนต์ รถไฟ รถโดยสาร มอเตอร์ไซค์ หรือกระทั่ง เดินเท้า
"มันน่าสนุกดีครับ"
โดยเฉพาะเส้นทางสาย เชียงใหม่ - ฝรั่งเศส เมื่อ 2 ปีก่อน
-เริ่มต้นการเดินทางครั้งนั้นได้อย่างไร
ทริปนี้ เดินทาง 2 ปีก่อน ตั้งแต่ตอนยังไม่มีวง ผมเปิดร้านแจ๊สคลับอยู่ที่ประตูช้างเผือก ก็กำลังมีปัญหากับเพื่อนๆ มีปัญหาเรื่องความรัก เลยคิดว่าจะกลับไปเดินทาง พอดีเพื่อนที่ฝรั่งเศสชวนให้ไปเล่นเทศกาลดนตรีที่นั่น ผมก็...เงินมีไม่พอ ในกระเป๋ามีอยู่แค่ 20,000 กว่าบาท ถ้าจะซื้อตัวเครื่องบินก็ 30,000 กว่าแล้ว ค่ากินที่พักถึงเพื่อนจะช่วย แต่ไม่น่าจะพออยู่ดี แต่ผมอยากเดินทางด้วยตัวเอง เออ งั้นไปทางพื้นดินดีกว่า น่าจะสนุกกว่า หรือเปล่า (ยิ้ม) แต่ก่อนหน้านั้นผมก็ชอบเดินทางอยู่แล้ว เคยไปญี่ปุ่น เกาหลี จีน อินเดีย ก็ไปทำนองนี้ เคยไปญี่ปุ่น ขึ้นไปถึงเซี่ยงไฮ้ ก็กะจะนั่งเรือแต่ว่า ตัดสินใจบินข้ามไปดีกว่าเพราะเวลามีไม่เยอะ วีซ่ามันจำกัด
อย่างตอน กัมพูชา เวียดนาม ลาว ก็ใช้เวลาเดือนหนึ่ง ลาว จีน ข้ามไปญี่ปุ่น แล้วบินกลับมาสิงคโปร์ โบกรถขึ้นมาเชียงใหม่ ก็เคย เพราะเงินน้อยด้วยครับ (ยิ้ม) อีกอย่าง เราเคยเป็นนักศึกษาสถาปัตย์ ก็อยากจะไปดูแลนด์สเคป ดูสถาปัตยกรรม ถ้าไปทางพื้นดินมันจะเห็นเมือง เห็นแลนด์สเคป แล้วผมก็ชอบเขียนรูป ถ้าไปทางพื้นดินก็จะได้มีเวลาสเกตช์ภาพบ้าง
-คิดจะเดินทางแบบนี้ ต้องเตรียมอะไรบ้าง
พยายามจะเอาของไปให้น้อยที่สุดครับ (ยิ้ม) กางเกงยีนตัวหนึ่ง เสื้อยืด 2 ตัว เสื้อเชิ้ตตัวหนึ่ง เสื้อกันหนาวตัวหนึ่ง อะไรแบบนี้ ที่เหลือ... ไปหาเอาดาบหน้า (ยิ้ม) ก็เป็นสมุดสเกตช์ แซ็กโซโฟน แค่นั้นเอง แต่ก่อนเคยเดินทางแล้วกลัว เอาของไปเยอะ แล้วมันหนัก เพราะเราเดินทางคนเดียวแล้วมันต้องแบก ก็เลย เฮ้ย ไม่จำเป็นหรอก ช่วงแรกๆ ที่เดินทาง ตอนไปอเมริกาผมเอาของไปเยอะมาก กลัวว่าจะหนาว อะไรไปเรื่อย แต่สุดท้ายแล้วมันใช้ไม่เท่าที่เอาไป ผมว่าการเดินทางบนพื้นดิน ควรจะเอาของไปให้น้อยเพื่อจะได้สะดวกเวลาเดิน พวกอุปกรณ์เขียนภาพก็ไปหาเอาข้างหน้าก็ได้
อย่างผมไปอินเดียไม่มีอะไรก็เอากระดาษหนังสือพิมพ์มาเพนท์ ก็เพนท์ได้นะ เพราะจริงๆ เราจะเก็บอารมณ์มันเฉยๆ ไม่ได้ต้องการอะไร ก็เอามาเพนท์แค่นั้นเอง ผมมีความรู้สึกว่า อะไรที่หาได้ตามทั่วๆ ไป เราไม่ต้องแบกไปก็ได้ ร้านเครื่องเขียนที่โน่นก็คงมี
-ไม่กลัวว่าของไม่ครบ หรืออุปกรณ์ไม่พร้อม ?
กลัว (ตอบทันที - หัวเราะ) ความกลัวนี่ผมว่ามันธรรมดานะ แต่พอไปจริงๆ มันก็ไม่ได้น่ากลัวนะ
-เวลาเดินทางจริงๆ ต่างจากที่จินตนาการไว้ไหม
ต่างกันครับ เพราะในจินตนาการเราเห็นแต่ในคอมพิวเตอร์ ก็นึกไม่ออก ไม่น่าเชื่อว่ามันจะหนาวขนาดนี้ หิมะมันจะตก มันสวย แต่มันหนาวนะ เส้นทางสายทรานส์ไซบีเรียนนั่นแหละครับ ด้วยความที่มันไกล คงไกลสุดแล้ว ลุ้นน่ะครับ จะให้เราวางแผนจนไปถึงมันคงเป็นไปไม่ได้ หนึ่ง ภาษามันก็ไม่ได้ ผมไปจาก เชียงใหม่ ออกเชียงของ ไปลาว ไปจีน ก็ไปหลงที่ ต้าลี่ ลี่เจียง แชงกรีลา ผมจะข้ามภูเขาไปแต่ไปไม่ได้ ต้องย้อนกลับมา (หัวเราะ) มันก็เสียเวลานะ แต่ไม่เป็นไรหรอก มันก็ได้เที่ยว เดินทางกลางคืนก็ไม่รู้ว่าเราอยู่ไหน ภาษาก็พูดไม่ได้ (ยิ้ม)
-แต่ละประเทศ แต่ละทางที่คุณข้ามไปมีส่วนเหมือน หรือต่างกันตรงไหนบ้าง
ต่างมากกว่าครับ คือ ไม่น่าเชื่อว่า แค่เส้นแบ่งประเทศมันก็ต่างแล้ว ง่ายๆ แค่ข้ามแม่น้ำกก ข้ามไปแม่สายเนี่ย ก็ต่างแล้ว ไทยกับลาวก็ต่างแล้ว รถก็ขับคนละด้าน เนปาลกับอินเดียนี่จะรู้สึกเป็นคนละโลกเลย มันบ้าไปแล้ว แค่ข้ามประตูน่ะ (ยิ้ม) ความรู้สึกมันวุ่นวายมาก ผมก็ข้ามจาก ไทยไปลาว ลาวไปจีน เรื่องมันมีอยู่ว่าที่ลาว บ่อเต็ง ที่จะข้ามไปจีนเนี่ยมัน คือเมืองจีนเข้ามาเช่าดินแดนตรงนั้น คล้ายๆ อังกฤษเช่าฮ่องกง แล้วก็ทำเป็นกาสิโน มันก็จะเหมือนเมืองจีนน่ะ คือยังไม่ได้ข้ามก็รู้สึกเหมือนจีนแล้ว ข้ามไปคนก็พูดภาษาจีนอย่างเดียวเลย
จีนไปมองโกเลีย สิ่งที่ผมสังเกตอย่างหนึ่งคือ ระหว่างบอร์ดเดอร์ ผู้คนที่อยู่ในนั้นจะเป็นกลุ่มคนเฉพาะกลุ่ม ทำงานเฉพาะค้าขาย ตลาดการค้าส่วนมากจะอยู่ในบอร์ดเดอร์เยอะ ที่สังเกตจะมีแต่การทำธุรกิจการค้าระหว่างมองโกเลียกับจีนเนี่ย คนมองโกเลียจะเดินทางไปซื้อของในจีนแล้วเอามาขายในรัสเซีย เพราะดินแดนของเขาจะโล่งๆ ไม่มีอะไร มันจะว่างเปล่า เหมือนดินว่างๆ ผมก็มาทราบทีหลังว่า คนเหล่านี้เขาอยู่บนรถไฟเดือนหนึ่ง 20 วัน เพื่อที่จะนั่งรถไฟไปจีน ซื้อของ นั่งรถไฟไปมองโกเลียต่อไปรัสเซียแล้วกลับมา
-เล่าบรรยากาศในรถไฟพ่อค้าให้ฟังหน่อย
บรรยากาศมันจะเงียบๆ ครับ คิดดูนะ นั่งอยู่บนรถไฟตลอดทั้งปี หลายๆ ปี มันก็น่าเบื่อใช่ไหม อย่างเราไปใหม่ๆ ก็ตื่นเต้น แต่คนอื่นเขาจะเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรเลย นั่งนิ่งๆ คือนั่งน่ะ ต้องลองนั่งเชียงใหม่-กรุงเทพฯ ชั้น 3 สัก 4 รอบ มันคงจะเบื่อมาก เพื่อนๆ ผมก็บอกว่า มันเบื่อจริงๆ แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่รู้จะทำอะไรกิน ก็ต้องค้าขาย บรรยากาศมันจะเงียบๆ งงๆ มันก็เป็นความต่าง มองโกเลียก็จะเงียบ
-ระหว่างการเดินทางบริหารค่าใช้จ่ายอย่างไร
เงินค่าใช้จ่ายส่วนตัว แล้วก็เปิดหมวก คนก็จะให้เป็นเงินบ้าง หรือบางทีเขาก็เลี้ยงข้าว ไปแจม เขาชอบเราก็เลี้ยงเรา ซื้อเบียร์มาให้ (ยิ้ม) บางทีก็ขอเล่นตามร้านอาหารก็ได้ค่าแรงมา เปิดหมวกบางทีเราไม่ได้อยากจะได้เงิน บางทีเราก็อยากซ้อมด้วย ถือว่าซ้อมไปในตัว ความรู้สึกของเรา ความรู้สึกของเมืองทำให้เราเล่นอะไร บางทีเราก็ใส่ความรู้สึกเหล่านั้นลงไป
-ความรู้สึกคนที่นั่นเขาจะแปลกแยกหรือเปล่า ใครก็ไม่รู้หัวดำ มายืนเป่าแซ็กฯ
ก็มีนะครับ ทุกที่เลย คือเหมือนกับเครื่องดนตรีประเภทนี้มันมีน้อยหรือเปล่า (ยิ้ม) มันก็เขินๆ แต่เราก็ทำหน้าที่ของเรา ก็เล่น ไม่มีใครรู้จัก แต่ถ้าเป็นความรู้สึกเรา ถ้ามีใครมาเปิดหมวกเราก็อยากฟังนะ เขาเล่นอะไร มาทำอะไรคนเดียว แต่คงรู้สึกไม่ต่างกัน บางทีเขาก็มาด่าบ้าง เพราะเราไปเล่นหน้าบ้านเขา คนเขาหลับอยู่ (หัวเราะ) โดนไล่ก็มี ตำรวจบ้าง แต่ไม่มีอะไรโหดร้ายนะ เขาแค่มาบอกว่า มันเล่นไม่ได้ เสียงดัง เราก็คนต่างถิ่น ไม่รู้ก็ขอโทษ ไปเล่นที่อื่น
-ปัญหาใหญ่ในการเดินทางสำหรับคุณ คืออะไร
ปัญหาหรือครับ (นิ่ง คิด) โอเค ผมเคยตั้งใจจะโบกรถจากเชียงใหม่ไปถึงจีนให้ได้ ก็โบกไปเรื่อยๆ จนถึงกลางทางที่ลาว ก่อนที่จะไปหลวงน้ำทา เป็นภูเขา มันไม่มีรถให้โบกแล้ว มันกลายเป็นรถน้ำมันหมด เขาก็ไม่รับเรา จะโบก จะเดินไปเหรอ ไม่มีรถเนอะ ก็ต้องนั่งรถประจำทางไป (หัวเราะ) ช่างมันเถอะ เพราะเราก็ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ที่จะมาชูชีพในป่า อย่างนี้ถือเป็นปัญหาไหม (ยิ้ม) ในจีน ถ้าจะแลกเงินต้องไปแลกที่ธนาคารของจีน ที่อื่นเขาจะไม่ให้แลก แต่ปัญหามีอยู่ว่า เราแลกมาไม่พอ แล้วจะขึ้นรถไฟ เงินไม่พอ รถไฟจะออกแล้วทำยังไง แล้วก็มีลุงคนหนึ่งเอาเงินมาให้เฉยเลย
-คือในช่วงจังหวะจวนเจียนมันก็จะมีอะไรบางอย่างมาคลี่คลายให้ผ่านไปได้ด้วยดี ?
ใช่ๆ ก็ตี 2 ครึ่งแล้วน่ะ มีลุงคนหนึ่งเอาเงินมาให้ 10 หยวน เขาก็แก้ปัญหาให้เราโดยบังเอิญ เราก็พูดภาษาจีนไม่ได้ แล้วพอขึ้นรถไฟไป เราก็ไม่มีเงินเลย ข้าวก็ไม่ได้กิน ผมว่ามันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นะ อดบ้างอะไรบ้าง คือมันก็ได้แง่คิด ประสบการณ์ของเรา ผมว่ามันก็ต้องได้แน่ๆ เราต้องอยู่คนเดียว ก็ต้องคุยกับตัวเอง ดูธรรมชาติ คิดถึงอดีตของเรา คิดถึงอนาคต คิดไปเรื่อย ก็เออ ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่มันทำให้เราคิดน่ะ
-แล้วเรื่องสนุกๆ ล่ะ?
ตอนที่ไปด่านตรวจคนเข้าเมืองของจีน ตรงเมืองลาวนี่เอง เขาไม่รู้จักแซ็กโซโฟน ก็ให้เปิด ให้เราลองเล่น คนก็มามุง ตอนที่โบกรถที่เชียงราย เป็นทางขึ้นเขา ฝนก็ตก รถก็กำลังจะแซงแบบจวนเจียนจะตกเขาแล้ว แต่มันก็ไม่ตก นี่ขนาดวันแรกนะเนี่ย แล้วฝรั่งเศสจะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ (หัวเราะ) มันก็มีหลายเรื่องที่สนุก เขาถามว่าเราจะไปไหน ผมก็บอกว่าจะไปฝรั่งเศส แล้วก็มีการแจม ทั้งที่ผมขึ้นไปแจมกับเขา เขามาแจมกับเรา ต้องเล่นเพลงที่ไม่เคยเล่น ต้องแบบ ฟังดีๆ เอาให้ได้ บางทีเล่นๆ อยู่ก็มีคนมาแจมด้วย ที่ลัตเวียมีคนเล่นแอคคอเดียน ก็แปลกดี สนุกด้วย
-พอถึงฝรั่งเศสเป็นอย่างไร
เหลือเงินอยู่ 32 ยูโร ลำบากหน่อย แต่เพื่อนๆ ก็ดูแล แต่ก็เล่นดนตรีไม่ต้องคิดอะไรบ้าง
-จากที่ฟังมา บางเส้นทางก็ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ ?
ใช่ บางทีก็ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ประมาณ 30-40 ปีก่อน จะมีคนอินเดีย สาธิต กุมาร เป็นนักปรัชญา เขาก็เดินจากอินเดียไปถึงอังกฤษ เดินด้วยเท้านะไม่ขึ้นรถเลย จากอังกฤษข้ามไปอเมริกา จากอเมริกาข้ามไปญี่ปุ่น เดินข้ามญี่ปุ่นกลับมาที่อินเดีย นี่เรื่องนานมาแล้ว ผมว่า สมัยโบราณคนก็ยังเดินทางได้ หรืออย่าง อ.ประมวล (เพ็งจันทร์) ถึงอายุมากแล้ว แต่ก็ยังเดินทางได้ ผมก็เคยเรียนกับแก ก็ได้เรียนรู้จากแกเยอะ ตอนก่อนไปก็ยังโทรหาแก แกก็บอกว่า เวลา และโอกาสเป็นสิ่งสำคัญ บางทีถ้าเรามีโอกาส แต่เวลามันไม่เอื้อ บางคนไม่มีโอกาสกับเวลา ถ้ามีเวลาก็ควรไป อย่าไปกลัวเรื่องอาหาร หรือเงินทอง ผมก็ได้เรียนรู้ว่า จริงๆ คนเราไม่อดตายหรอก ไม่ตายง่ายขนาดนั้น บางทีชีวิตเหมือนตายง่ายนะ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
-ระหว่างทางมีปัญหาเรื่องท้องเสียไหม
ไม่มีครับ อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยมีเงินได้รับประทานด้วยมั้งครับ ถึงไม่ค่อยมีโอกาสได้ท้องเสียเท่าไหร่ (หัวเราะ)
Tags : ภราดล พรอำนวย • แซ็กโซโฟน