บทความ


เรียนรู้/ต่อยอด/เชื่อมโยง หลักการบริหาร Pro…Leader กับ อ. พัทธ์ธีรา สมทรง
 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2553 ที่ผ่านมา ทางสถาบันเพิ่มผลผลิตได้จัดสัมนาประจำเดือน (Productivity Talk) เรื่อง “Pro Leader…บริหารงานอย่างผู้นำมืออาชีพ  โดย อ. พัทธ์ธีรา สมทรง ที่ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมดิเอ็มเมอร์รัล รัชดา กรุงเทพมหานคร เวลา 13.30 -16.30 น.เนื้อหาการบรรยายที่ผมได้รับเบื้องต้นจาก Course Outline ประกอบไปด้วย

-          จุดเริ่มต้นในการพัฒนาภาวะผู้นำ (How to be Start Good Leadership)
-          คุณลักษณะพื้นฐานของผู้นำมืออาชีพ (Basic Pro Leader Attributes)
-          แนวทางพัฒนาผู้นำด้วยหลัก 7 Qs

1.        EQ / Emotional Quotient (ความฉลาดทางอารมณ์)
2.        IQ / Intelligence Quotient (ความฉลาดทางสติปัญญา)
3.        BQ/ Buddha Quotient (ความฉลาดในการบริหารเชิงพุทธ)
4.        MQ / Motivation Quotient (ความฉลาดในการสร้างแรงจูงใจ)
5.        SQ/ Social Quotient (ความฉลาดทางด้านสังคมและมนุษยสัมพันธ์)
6.        AQ / Adversity Quotient (ความฉลาดในการฝ่าฟันอุปสรรค/ความอดทน)
7.        HQ / Health Quotient (ความฉลาดในการดูแลรักษาสุขภาพ)

-          Management Tools ที่นิยมใช้ในการบริหารงานสาหรับผู้นำ
-          ปัจจัยสนับสนุนเพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้นำมืออาชีพ 
-          การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข (Full Efficiency and Happy Forever)
-          ถามตอบข้อสงสัย

งานนี้ผมดูจากเนื้อหาแล้วน่าสนใจ เลยชักชวนทีมงานผมทั้งหมดเข้าร่วมรับฟังพร้อมกันเลย เพราะค่าสัมนาแค่คนละ 535 บาท เอง แถมยังได้ที่นั่งฟรีอีก 2 ที่นั่ง เราเลยถือโอกาสนี้เรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม และเป็นการ Feedback ตัวเองในฐานะหัวหน้าทีมด้วยว่าความรู้ที่ได้มา เราสามารถนำเอาไปใช้เพื่อนำพาลูกทีมไปสู่เป้าหมายได้ครอบคลุมขนาดไหน   

การบรรยายของวิทยากรก็ค่อนข้างเป็นกันเองดี เริ่มต้นด้วยการยกตัวอย่างการเปรียบเทียบชีวิตการทำงานของเราก็เหมือนกับส่วนประกอบของแฮมเบอร์เกอร์ ที่ตัวเรา (ผู้นำ/หัวหน้างาน) ต้องเป็นไส้ในของแฮมเบอร์เกอร์ (เนื้อ) ที่เป็นส่วนดีที่สุด ส่วนอื่นๆ ที่เป็นขนมปัง ชีส ผัก มายองเนสก็คือ คนในองค์กร ซึ่งเราจะเลือกไม่ได้ ลูกค้าคือคนที่บริโภค ซึ่งจะต้องกินพร้อมกันหมดทั้งอัน จะเลือกกินส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้ แต่ละส่วนของแฮมเบอร์เกอร์ก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าไส้จะเป็นส่วนที่ดีที่สุด แต่ละคุณภาพไม่ได้เรื่อง ก็ทำให้ไม่มีคนชอบกินก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า เอาไส้ออกแล้วกินเฉพาะขนมปังกับผัก ผู้บริโภคก็จะไม่เลือกที่จะกินเลย จากนั้นก็ยกตัวอย่างผู้นำจากภาพยนต์โฆษณาเครื่องดื่มบำรุงกำลัง (ซุบไก่) ยี่ห้อหนึ่งที่ทักทายและจำคนในบริษัทได้ทุกคน ซึ่งนั่นคือบุคลิกภาพของผู้นำที่ควรจะเป็น


จากนั้นวิทยากรได้ให้ผู้เข้าร่วมสัมนาประเมินตัวเอง จากแบบประเมินตรวจสอบภาวะผู้นำ ทั้งหมด 10 ข้อ ดังนี้

1.       ท่านสามารถสร้างศรัทธา ให้ลูกน้องยอมรับได้ด้วยดี มากกว่ากว่า 80 %
2.       ท่านสามารถบริหารงานจัดการคนได้ตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างราบรื่น
3.       ท่านสามารถวางแผนและปฏิบัติงานได้โดยมีข้อผิดพลาดน้อยมาก
4.       ท่านสามารถแก้ปัญหางานประจำวันได้โดยไม่มีข้อขัดแย้ง
5.       ท่านมีความสามารถในการพัฒนาและปรับปรุงงานให้ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง วัดได้จากความสำเร็จของชิ้นงานที่เพิ่มขึ้น
6.       ท่ามีความสามารถในการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน ของลูกน้องได้เป็นอย่างดี
7.       ท่านสามารถใช้หลักความเสมอภาค ยุติธรรมคำนึงถึงความถูกต้องและเหตุผลเหนือสิ่งอื่นใด
8.       ท่านเปิดโอกาสให้ลูกน้องได้แสดงความคิดเห็นและมีความจริงใจที่จะพัฒนาให้ลูกน้องได้มึความก้าวหน้า
9.       ท่านเป็นผู้สนับสนุนให้มีบรรยากาศและสภาพการทำงานที่ดี มีความสุขไม่มีความเครียด
10.    ท่านมีแรงจูงใจที่จะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

จากหัวข้อการประเมินทั้ง 10 ข้อ ผมคิดว่าคนที่จะประเมินได้ดีน่าจะเป็นลูกน้องของเรา เพราะจะเป็นกระจกที่ส่องเห็นตัวเองได้อย่างชัดเจน และลูกน้องก็จะรู้เลยว่าเขาศรัทธาเราหรือไม่ แก้ปัญหาให้เขาได้หรือไม่ มีความยุติธรรมหรือไม่ มีความจริงใจในการพัฒนาทีมงานหรือไม่ ดังนั้นอาจจะนำหัวข้อการประเมินเหล่านี้ไปปรับและประยุกต์ใช้ในการให้ลูกน้องในทีมงานเราประเมินตัวเราดูต่อไป

หลังจากทำแบบสอบประเมินเสร็จ วิทยากรก็เริ่มบรรยายตามเนื้อหาของ Course Outline ที่ได้ระบุไว้ตามลำดับ เริ่มต้นด้วย (สูตร 3 C + L + S = Basic Pro Leader ) Commitment / Communication / Create + Learn and Share
-          Commitment = รักษาสัญญา ดูศักยภาพตัวเองก่อนรับปาก พูดแล้วต้องทำ
-          Communication = สื่อสารให้เข้าใจตรงกัน ใช้หลัก Dialogue (สุนทรียสนทนา/โสเหล่) ให้มาก ตั้งแต่ระดับ I in You ถึง I in Now
-          Create = มององค์รวมคิดให้เป็นระบบ นำวิทยการการคิดมาปรับใช้ ดูรายละเอียดวิทยากรการคิดได้ที่ http://gotoknow.org/blog/attawutc/309226
-          Learn & Share = เรียนรู้พัฒนาตัวเองและแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน โดยการเรียนรู้ร่วมกัน(Personal Mastery & Team Learning)

วิทยากรได้เพิ่ม ตัวที่ 4 เข้ามาอีก 1 ตัวคือ “Change” ผู้นำต้องกล้าที่จะเปลี่ยน รับกับความเปลี่ยนแปลง ปรับตัวได้เร็ว ผมก็เลยต่อยอดไปอีก 1 คือ “Collaboration” คือ ความร่วมมือร่วมใจ รับใช้ Support .ให้ทีมงาน ตามสไตล์ของ Servant Leadership (http://www.managerroom.com/forums/forum_posts.asp?TID=9633&PN=1จึงขอต่อยอดปรับสูตรเพื่อนำไปใช้ใหม่ตามสไตล์ของผมเป็น Basic ProLeader = 5 C +LS

จากนั้นวิทยากรก็อธิบายต่อในเรื่อง Q (Quotient) ทั้ง 7Q

1.   EQ / Emotional Quotient (ความฉลาดทางอารมณ์) : รู้จักตัวเอง บริหารอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม
2.   IQ / Intelligence Quotient (ความฉลาดทางสติปัญญา) : มีเชาว์ปัญญา ไหวพริบ รู้ เข้าใจ ทำได้ สอนเป็น
3.   BQ/ Buddha Quotient (ความฉลาดในการบริหารเชิงพุทธ) : มีสติ สมาธิ จิตผ่องใส ใช้หลักการบริหารเชิงพุทธ เช่น พรหมวิหาร 4 อิทธิบาท 4 เป็นต้น (http://gotoknow.org/blog/attawutc/217939)
4.    MQ / Motivation Quotient (ความฉลาดในการสร้างแรงจูงใจ) : คิดบวก ภูมิใจในความสำเร็จ เรียนรุ้/ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
5.   SQ/ Social Quotient (ความฉลาดทางด้านสังคมและมนุษยสัมพันธ์) : มีน้ำใจ อ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพ เข้าหาผู้อื่น ยิ้ม ทักทาย
6.    AQ / Adversity Quotient (ความฉลาดในการฝ่าฟันอุปสรรค/ความอดทน) : ควบคุมสถานการณ์ อดทน ใจจดจ่ออยู่กับงาน (วริยะ/จิตตะ) ไม่เชื่อโชคลาง รอคอยวาสนา แสวงหาโอกาส
7.    HQ / Health Quotient (ความฉลาดในการดูแลรักษาสุขภาพ) : ดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย รับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ใช้ชีวิตให้กลมกลืนสมดุลระหว่างงานกับการดำเนินชีวิตอย่างมีศิลปะ

นอกจากนี้ วิทยากรยังได้เพิ่ม มาให้อีก 1 ตัว คือ LQ (Love Quotient) รู้จักที่จะรักให้เป็น ผมคิดว่าน่าจะต่อยอดเพิ่มเป็น Learning Quotient ด้วย คือ มีใจที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ความรู้ไม่ได้อยู่ในห้องเรียนเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราคือความรู้ แต่ละคนมีสไตล์การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในระบบอย่างเป็นทางการ อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเล่น เที่ยว เล่น ฯลฯ

เนื้อหาต่อมาวิทยากรได้เล่าถึงเรื่องเครื่องมือในการบริหารงาน ซึ่งเป็นหลักการเบื้องต้นของนักบริหารที่ต้องใช้เป็นประจำ นั่นคือ “POLsC”

-    P = Planning : การวางแผนคิดให้รอบ คิดให้จบด้วย 5 W 2 H (What / Why / When / Where / Who / How / How much)
-    O = Organizing : ประสานงานจัดสรรทรัพยากร เตรียมความพร้อม (Co-ordinate / Resource / Support)
-    L = Leading : เป็นแบบอย่างที่ดี สร้างแรงจูงใจ บริหารจัดการคน
-    S = Staffing : บริหารจัดการคน จัดสรรคนกับงานให้เหมาะสม
-    C = Controlling : ดูแลตรวจสอบให้กำลังใจช่วยเหลือ ประเมินผล ติดตามผล สร้างมาตรฐาน จัดทำ Best Practice ตามบริบท

เนื้อหาสุดท้ายวิทยาการได้เล่าถึงแนวคิด ปัจจัยที่จะทำให้เราสามารถก้าวไปถึงผู้นำมืออาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหลักปรัชญา ของคุณธรรม จริยธรรมทั่วไป เช่น ความมุ่งมั่น ความเสียสละ การเรียนรู้พัฒนาตนเอง การใช้ชีวิตให้สมดุลระหว่างงาน บ้าน สังคม เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่รู้ๆกันอยู่ แต่ในทางปฏิบัติต้องนำไปทำให้เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างจริงจังและยั่งยืน ทั้งนี้อยู่ที่ .ใจ ล้วนๆ สุดท้ายวิทยากรได้สรุปเป็นสูตรง่ายของการเป็นผู้นำอย่างมืออาชีพดังนี้
Pro Leader = 4C+1L+1S + 7Q +POLsC

แต่จากการเรียนรู้/ต่อยอด/เชื่อมโยง ของผม จึงขออนุญาต ปรับสูตรใหม่ตามสไตล์ของผมเองดังนี้
Pro Leader = 5C+LS + 8Q +POLsC

สิ่งที่ผมได้จากการสัมนาในวันนั้นเป็นเพียงแค่ความรู้และความเข้าใจเบื้องต้นเท่านั้น บางอย่างอาจมีการต่อยอดเชื่อมโยงตามประสบการณ์ พื้นฐานความเข้าใจมีเคยมีมาก่อนหน้านี้ ทำให้เนื้อหาถูกขยายออกไป อาจจะไม่ตรงกับทฤษฎีเดิม ซึ่งผมมองต่างว่าเราไม่จำเป็นต้องยึดทฤษฎีอย่างตายตัวเพื่อให้ถึงเป้าหมาย ทฤษฎีเป็นเพียงแผนที่นำทางเบื้องต้นเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางเท่านั้น สิ่งที่สำคัญผมคิดว่าทำอย่างไรเราจึงจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล ตามวัตถุประสงค์ของการเดินทางที่จะไปสู่เป้าหมายนั้นๆ